ในปัจจุบันนี้มีกันแดดมากมายมากหลายชนิดจนเลือกไม่ถูกเลยทีเดียว วันนี้อะลิเซ่มีทริคในการเลือกกันแดดให้สาวๆ ว่า ครีมกันแดด ควรเลือกอย่างไร ชนิดไหนที่จะเข้ากับผิวและกิจกรรมที่เราทำในแต่ละวัน ก่อนอื่นเรามาทำความรู้จักกันก่อนว่า ครีมกันแดด นั้นคืออะไรก่อนนะคะ ครีมกันแดด (Sunscreen) คือ สารสกัดจากธรรมชาติหรือเคมีที่ช่วยปกป้องผิวจากรังสีอัลตราไวโอเลตหรือรังสียูวี โดยช่วยป้องกันให้ผิวไม่ถูกแสงแดดทำลายจนผิวไหม้ ผิวหมองคล้ำ หรือลดการเกิดจุดด่างดำบนใบหน้า รวมทั้งลดโอกาสเสี่ยงเป็นโรคมะเร็งผิวหนัง ส่วนผสมที่อยู่ในครีมกันแดดจะช่วยปกป้องผิวด้วยวิธีต่าง ๆ ทั้งดูดซับรังสีอัลตราไวโอเลต ปกป้องชั้นผิวที่อยู่ลึก หรือสะท้อนรังสีอัลตราไวโอเลตกลับออกไป
เลือกหัวข้อที่ต้องการอ่าน
Toggleเลือกตามประเภทของครีมกันแดด
ครีมกันแดดประเภทเคมี (Chemical Sunscreen)
ครีมกันแดดประเภทนี้จะดูดซับรังสี UV ไม่ให้ผ่านเข้าไปทางผิวหนัง สามารถใช้ร่วมกับสกินแคร์อื่นๆได้เนื่องจากบางเบา ซึมไว ไม่ต้องใช้ในปริมาณที่มาก จะมีสารประเภท Oxeybenzone, Octinoxate ครีมกันแดดประเภทนี้จะปกป้องแต่ UVB แต่ UVA อาจไม่ครบทุกชนิด ต้องทาก่อนที่จะออกแดด 20 นาทีเป็นอย่างน้อย คนที่มีผิวง่ายต่อการระคายเคือยงควรเลี่ยง
ครีมกันแดดประเภทกายภาพ (Physical Sunscreen)
ครีมกันแดดประเภทนี้จะสร้างเกราะสะท้อนรังสี UV ออกจากผิวหนัง จะมีสารประเภท Titanium Dioxide, Zinc Oxide ปกป้องได้ทั้ง UVA-I, UVA-II, UVB ทาเสร็จแล้วสามรถออกแดดได้เลยเหมาะกับผู้ที่ผิวไวต่อการระคายเคือง เด็ก และคุณแม่ที่ตั้งครรภ์สามารถใช้ได้ ไม่อุดตันและตกค้างที่ผิว แต่ต้องใช้ในปริมาณที่มากพอหากเหงื่อออกสามารถหลุดออกได้ง่าย และชอบมีคราบสีขาวตกค้างอยู่บนผิว
ครีมกันแดดประเภทผสมผสาน (Chemical-Physical Sunscreen)
ครีมกันแดดประเภทนี้จะนำข้อดีของครีมกันแดดทั้งสองประเภท และลดข้อด้อยของทั้งสองแบบนี้มารวมกัน ซึ่งจะมีคุณสมบัติทั้งสะท้อนรังสีและดูดซับรังสี บางเบาซึมไว ไม่ทิ้งคราบตกค้างไว้บนผิวหนัง ซึ่งปัจจุบันครีมกันแดดหลายๆ ตัวจะทำกันแดดชนิดนี้
เลือกครีมกันแดดให้เหมาะกับสภาพของผิว
คนที่มีผิวแห้ง
ควรเลือกครีมกันแดดแบบเนื้อครีม เพราะเนื้อครีมจะมีความเข้มข้นกว่าชนิดอื่น ควรเลือกแบบที่มีสารบำรุงผิวให้ชุ่มชื่น และควรหลีกเลี่ยงการใช้ครีมกันแดดแบบที่มีแอลกอฮอล์ เพราะจะทำให้ผิวแห้งมากขึ้น
คนที่มีผิวมัน
ควรเลือกครีมกันแดดแบบเนื้อเจล เพื่อไม่ไปเพิ่มความมันให้ผิวอีก เนื้อเจลเลยเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด ซึมง่าย แห้งไว และไม่ทิ้งคราบเหนอะหนะหนักผิว
คนที่มีผิวบอบบาง
ควรเลือกครีมกันแดดที่มีส่วนผสมจากธรรมชาติ เพื่อลดความเสี่ยงของสารต่างๆ ที่จะกระตุ้นผิวให้เกิดอาการแพ้อย่าง น้ำหอม น้ำมัน สารกันเสีย
คนที่มีผิวเป็นสิวง่าย
ควรเลือกครีมกันแดดเนื้อโลชั่น เพราะโลชั่นเนื้อบางเบากว่าแบบครีม ทำให้ไม่หนักผิว ควรหลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของน้ำมัน และน้ำหอมที่จะมาทำให้ผิวอุดตันจนเกิดสิว ให้ดูส่วนผสมที่มีคุณสมบัติช่วยรักษาสิวได้
เลือกตามเนื้อสัมผัสของครีมกันแดด
- ครีมกันแดดแบบครีม เหมาะกับคนที่มีผิวธรรมดา ผิวแห้ง มีสารบำรุงเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ผิวเป็นพิเศษ
- ครีมกันแดดแบบเจล เหมาะกับผู้ใช้ที่มีลักษณะผิวมัน ผิวผสม ผิวแพ้ง่าย และไม่ชื่นชอบความ เหนียวเหนอะหนะ เพราะจะไม่ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ผิวเพิ่มขึ้นอีก มีการซึมซาบสู่ผิวได้รวดเร็วเป็นพิเศษ
- ครีมกันแดดแบบโลชั่น เหมาะกับคนที่เป็นสิวง่าย หรือผิวมัน ผิวผสม ผิวแพ้ง่าย เพราะว่าโลชั่นเนื้อบางเบากว่าแบบครีม มีการซึมซาบสู่ผิวได้รวดเร็วเป็นพิเศษ ทำให้ไม่หนักผิว ไม่เหนียวเหนอะหนะและไม่อุดตันผิวหน้าจนทำให้เกิดสิวได้
- ครีมกันแดดแบบสเปรย์ เหมาะกับคนที่ต้องการความรวดเร็ว นอกจากพกพาสะดวกสบายแล้ว ยังใช้งานได้สะดวกสบาย เพียงแค่ฉีดพ่นให้ทั่วบริเวณที่ต้องการได้อย่างง่ายดาย
- ครีมกันแดดแบบแบบแท่งหรือสติ๊ก เหมาะกับการเติมครีมกันแดดระหว่างวัน พกพาสะดวก ใช้งานง่าย
- ครีมกันแดดเมคอัพเบส เหมาะสำหรับการเตรียมผิวก่อนลงรองพื้น แป้ง ทำให้เมคอัพง่ายขึ้น หรือวันไหนที่รีบ ๆ ไม่อยากแต่งหน้า แค่ทากันแดดเมคอัพเบส ผิวก็เนียนขึ้นมาแล้ว
การเลือกครีมกันแดดตามบริเวณที่ใช้
ครีมกันแดดทาหน้า
ควรเลือกครีมกันแดดที่มีการป้องกันเฉพาะส่วน เนื่องด้วยผิวหน้าของเรามีความบอบบางมากกว่าส่วนอื่นอย่างชัดเจนและด้วยความบอบบางจะทำให้ผิวหน้าได้รับ อันตรายจากแสงแดดมากกว่าส่วนอื่นด้วย เราไม่ควรนำครีมกันแดดทาตัว มาใช้กับบริเวณใบหน้า เพราะผิวหน้าบอบบางมากกว่า อาจจะเกิดการแพ้ได้ง่าย เพราะผิวกายมีความหนามากกว่า
ครีมกันแดดทาตัว
สามารถเลือกใช้ได้หลายรูปแบบขึ้นอยู่กับการใช้งานเป็นหลัก มีสูตร และการป้องกันที่หลากหลายมากกว่า แม้เราจะไม่ควรนำครีมกันแดดทาตัว ไปใช้ทาหน้า แต่ถ้าหากนำครีมกันแดดทาหน้ามาใช้ทาตัว แบบนี้สามารถใช้ได้ แต่ราคาของครีมกันแดดทาหน้านั้นสูงกว่าครีมกันแดดทาตัวมาก ดังนั้นการใช้ผิดประเภทนอกจากจะให้ผลลัพธ์ทีไม่เต็มประสิทธิภาพแล้วยังทำให้สิ้นเปลืองอีกด้วย
การเลือกครีมกันแดดตามค่า SPF และค่า PA
Sunburn Protection Factor (SPF)
SPF ย่อมาจาก Sunburn Protection Factor หรือค่าความสามารถปกป้องของผิวของครีมกันแดดในการปกป้องผิวที่เกิดจาก UVB ได้นานเท่าไหร่ โดยปกติแล้วผิวหนังของเราสามารถทนแดดได้ประมาณ 15 นาที ยิ่ง SPF สูงจะยืนอยู่ได้กลางแดดนานขึ้นค่ะ
- SPF 10-15 สำหรับคนที่ทำงานในร่มตลอดทั้งวัน
- SPF ≥ 15 สำหรับคนที่มีออกแดดระหว่างวัน
- SPF ≥ 30 สำหรับคนที่อยู่กลางแจ้งตลอดทั้งวัน หรือคนที่มีผิวไวต่อแสง
วิธีคำนวณความสามารถในการกันแดดคือ การนำค่า SPF คูณด้วยความสามารถในการทนแดดปกติ (15นาที) สมมติว่าเราทาครีมกันแดดที่มีค่า SPF 30 นั่นหมายถึง ผิวเราสามารถทนแดดได้สูงสุด 30×15=450 นาที หรือประมาณ 7 ชั่วโมง 30 นาที หรืออาจน้อยกว่านั้น ขึ้นอยู่กับปัจจัยภายนอก เช่น มีการเสียดสี, โดนน้ำหรือเหงื่อ เป็นต้น ในปัจจุบันมีค่า SPF มากที่สุดที่ 50+ แต่อย่างไรก็ตามควรทาครีมกันแดดทุก 2-4 ชั่วโมงเพื่อให้ประสิทธิภาพการปกป้องผิวของครีมกันแดดนั้นดีที่สุด
Protection Grade of UVA (PA)
PA ย่อมาจาก Protection Grade of UVA หรือค่าประสิทธิภาพในการป้องกันรังสี UVA ซึ่งในปัจจุบันค่า PA มีสูงสุดอยู่ที่ ++++ ยิ่งมีค่า + มาก ประสิทธิภาพในการปกป้อง UVA มีมากยิ่งขึ้น เราควรเลือกครีมกันแดดให้เหมาะสมกับกิจกรรมประจำวันทั่วไป
- PA+ ป้องกันระดับเริ่มต้น เหมาะกับการอยู่ในห้อง ไม่เจอแสงแดด
- PA++ ป้องกันระดับปานกลาง เหมาะกับการเจอแสงแดดบ้าง เล็กน้อย
- PA+++ ป้องกันระดับสูง เหมาะกับการทำงานกลางแสงแดด หรือไปเที่ยว
- PA++++ ป้องกันระดับสูงสุด เหมาะกับผู้ที่มีกิจกรรมกลางแจ้ง หรือเล่นกีฬากลางแจ้ง
บทสรุป ครีมกันแดด ควรเลือกอย่างไร
- ควรเลือกแบบที่มีทั้ง SPF และ PA เพื่อการปกป้องอย่างครอบคลุมทั้ง UVA และ UVB
- ควรเลือกครีมกันแดดให้เหมาะกับสภาพผิว
- ควรเลือกครีมกันแดดที่เหมาะกับกิจกรรมที่ทำ
- ควรเลือกครีมกันแดดที่กันน้ำได้
- ควรทาครีมกันแดดซ้ำทุก 2-4 ชั่วโมงเพื่อประสิทธิภาพสูงสุดของครีมกันแดด
วันนี้อะลิเซ่ก็อยากจะแนะนำ Alese anti-melasma and whitening sunscreen กันแดดเนื้อแมทท์ SPF50+ PA++++ ซึ่งมี Melatein X – ไวท์เทนนิ่งที่ให้ประสิทธิภาพดีกว่าอาร์บูตินถึง 80 เท่าบำรุงผิวให้กระจ่างใส ริ้วรอยดูลดเลือน กันแดดที่สามารถป้องกันการเกิดฝ้าได้ นอกจากนี้ ยังมาพร้อมกับพร้อมมากับ 4 พลังอันทรงคุณค่าในการแก้ปัญหาตรงจุด ปกป้อง ผิวจากรังสี UVA, UVB, Blue light, IR, Pollution, บำรุง ผิวสว่างกระจ่างใส เรียบเนียน เพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ผิว, ลดเลือน ริ้วรอย รอยแดง จุดด่างดำแลดูจางลง, ลดสาเหตุการเกิด รอยด่างดำ และความหมองคล้ำจากแดด
สั่งซื้อสกินแคร์ของเราในราคาพิเศษวันนี้! คลิ๊กเลย!