สิ่งที่คุณต้องรู้ก่อนเลือก ครีมกันแดด ให้เหมาะสมกับสภาพผิว

สิ่งที่คุณต้องรู้ก่อนเลือก ครีมกันแดด ให้เหมาะสมกับสภาพผิว

การทาครีมกันแดดเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งเนื่องจากรังสียูวี (UV) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแสงแดดมีภาวะที่จะทำให้เกิดความเสียหายต่อผิวหนังได้ รังสียูวีสามารถแบ่งออกเป็นสองประเภทคือ UVA และ UVB โดยทั้งสองประเภทนี้สามารถก่อให้เกิดผลกระทบที่น่าเป็นห่วงต่อผิวหนังได้ดังนี้
UVA เป็นรังสีอัลตราไวโอเลตชนิดหนึ่งที่มีผลเสียต่อผิวหนัง ส่งผลให้เกิดริ้วรอย ฝ้าแดด จุดด่างดำ และเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งผิวหนัง
UVB เป็นรังสีอัลตราไวโอเลตชนิดหนึ่งที่มีพลังงานสูง ส่งผลให้เกิดผิวไหม้แดด ผิวแดง แสบร้อน และเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งผิวหนัง
การป้องกันผิวหนังจากแสงแดดเป็นสำคัญอย่างยิ่ง เนื่องจากผิวหนังเป็นเกราะป้องกันที่สำคัญของร่างกาย และเมื่อถูกทำลายด้วยรังสียูวี มีผลกระทบที่รุนแรงต่อสุขภาพของผิว ไม่เพียงแต่ทำให้ผิวแห้งหรือเสียความยืดหยุ่น แต่ยังเสี่ยงต่อการเกิดริ้วรอย และอันตรายต่อสุขภาพอื่นๆ เช่น มะเร็งผิวหนัง
ดังนั้นการปกป้องผิวด้วยการทาครีมกันแดดเป็นมาตรการสำคัญ เนื่องจากครีมกันแดดสามารถป้องกันการเผาไหม้ผิว และลดความเสียหายจากรังสียูวีได้ เพื่อรักษาผิวหนังให้คงสุขภาพและสวยงามได้อย่างยาวนาน

ครีมกันแดด

เลือกหัวข้อที่ต้องการอ่าน

เลือกตามประเภทของครีมกันแดด

ครีมกันแดดเนื้อครีม

ลักษณะ เป็นเนื้อครีมข้นหนืด สีขาว  

  • ข้อดี
    ให้ความชุ่มชื้นแก่ผิว
    เหมาะกับผิวแห้ง
    ปกปิดริ้วรอยได้ดี
  • ข้อเสีย
    รู้สึกหนักผิว เหนียวเหนอะหนะ
    ไม่เหมาะกับผิวมัน ผิวเป็นสิว
    อุดตันรูขุมขนได้ง่าย

ครีมกันแดดเนื้อโลชั่น

ลักษณะ เป็นเนื้อน้ำนม สีขาว เบาบางกว่าเนื้อครีม

  • ข้อดี
    ซึมซาบเร็ว ไม่เหนียวเหนอะหนะ
    เหมาะกับผิวธรรมดา ผิวผสม
    กระจายแสงได้ดี ทำให้ผิวดูสว่างใส
  • ข้อเสีย
    ให้ความชุ่มชื้นน้อยกว่าเนื้อครีม
    อาจไม่เหมาะกับผิวแห้ง

ครีมกันแดดเนื้อเจล

ลักษณะ เป็นเนื้อเจลใส บางเบา เย็นสบายผิว

  • ข้อดี
    ซึมซาบเร็ว ไม่เหนียวเหนอะหนะ
    เหมาะกับผิวมัน ผิวเป็นสิว
    ควบคุมความมันได้ดี
  • ข้อเสีย
    ให้ความชุ่มชื้นน้อยกว่าเนื้อครีม เนื้อโลชั่น
    อาจไม่เหมาะกับผิวแห้ง

ครีมกันแดดเนื้อน้ำ

ลักษณะ เป็นเนื้อน้ำใส บางเบา ซึมซาบเร็ว

  • ข้อดี
    ซึมซาบเร็ว ไม่เหนียวเหนอะหนะ
    เหมาะกับผิวมัน ผิวเป็นสิว
    ควบคุมความมันได้ดี
    เหมาะสำหรับแต่งหน้าทับ
  • ข้อเสีย
    ให้ความชุ่มชื้นน้อยที่สุด
    อาจไม่เหมาะกับผิวแห้ง

ครีมกันแดดเนื้อสเปรย์

ลักษณะ เป็นเนื้อสเปรย์ ใช้งานง่าย

  • ข้อดี
    ใช้งานง่าย สะดวก
    ทาซ้ำได้ง่าย โดยไม่ต้องล้างมือ
    เหมาะสำหรับเด็ก ผู้สูงอายุ
  • ข้อเสีย
    บางสูตรอาจมีแอลกอฮอล์ ทำให้ผิวแห้ง
    ไม่สามารถทาบริเวณดวงตา ริมฝีปากได้
    อาจสูดดมเข้าปอดได้

ครีมกันแดด

เลือกครีมกันแดดให้เหมาะกับสภาพผิว

ครีมกันแดดสำหรับผิวแห้ง ผิวแห้งต้องการครีมกันแดดที่มีส่วนผสมที่ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น ควรเลือกครีมกันแดดที่มีเนื้อครีมเข้มข้น หรือเนื้อโลชั่น หลีกเลี่ยงครีมกันแดดที่มีเนื้อบางเบา หรือเนื้อเจล เพราะอาจทำให้ผิวแห้งมากขึ้น
ครีมกันแดดสำหรับผิวมัน ผิวมันต้องการครีมกันแดดที่มีเนื้อบางเบา หรือเนื้อเจล ควรถเลือกครีมกันแดดที่มีสูตร Oil-Free และ Non-Comedogenic เพื่อป้องกันการอุดตันรูขุมขน
ครีมกันแดดสำหรับผิวผสม ผิวผสมต้องการครีมกันแดดที่มีเนื้อบางเบา แต่ยังคงมีความชุ่มชื้น ควรเลือกครีมกันแดดที่มีเนื้อโลชั่น หรือเนื้อเจล หลีกเลี่ยงครีมกันแดดที่มีเนื้อครีมเข้มข้น

การเลือกครีมกันแดดสำหรับผิวแห้ง

เลือกประเภทของครีมกันแดด
เนื้อครีม เหมาะกับผิวแห้ง เพราะเนื้อครีมมีความเข้มข้น ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว
เลือกค่า SPF และ PA
SPF ควรเลือก SPF 30 ขึ้นไป
PA ควรเลือก PA++++
เลือกส่วนผสม
มอยส์เจอร์ไรเซอร์ เช่น เซราไมด์, Hyaluronic Acid
สารต้านอนุมูลอิสระ เช่น วิตามิน C, วิตามิน E
มีส่วนผสมที่ปลอบโยนผิว

การเลือกครีมกันแดดสำหรับผิวมัน

เลือกประเภทของครีมกันแดด
เนื้อเจล เนื้อบางเบา ซึมซาบเร็ว ไม่เหนียวเหนอะหนะ เหมาะกับผิวมัน
เนื้อน้ำ เนื้อบางเบา ซึมซาบเร็ว เหมาะกับผิวมัน
เลือกค่า SPF และ PA
SPF ควรเลือก SPF 30 ขึ้นไป
PA ควรเลือก PA+++ ขึ้นไป
เลือกส่วนผสม
Oil-free ควรเลือกครีมกันแดดที่ปราศจากน้ำมัน
Non-comedogenic ควรเลือกครีมกันแดดที่ไม่ก่อให้เกิดสิว
Mattifying ควรเลือกครีมกันแดดที่มีคุณสมบัติควบคุมความมัน
Alcohol-free ควรเลือกครีมกันแดดที่ปราศจากแอลกอฮอล์
มีส่วนผสมที่ปลอบโยนผิว

การเลือกครีมกันแดดสำหรับผิวผสม

ผิวผสม หมายถึง ผิวที่มีทั้งบริเวณที่แห้งและมันบนใบหน้า โดยทั่วไปแล้ว ผิวบริเวณ T-Zone (หน้าผาก จมูก คาง) จะมีความมันมากกว่าบริเวณแก้มและคาง
การเลือกครีมกันแดดสำหรับผิวผสม จึงควรคำนึงถึงทั้งประเภทของเนื้อครีม ค่า SPF และ PA ส่วนผสม การทดสอบก่อนใช้ และ การทาอย่างสม่ำเสมอ
เลือกประเภทของครีมกันแดด
สำหรับผิวผสม แนะนำให้เลือกเนื้อ เจล น้ำ หรือ โลชั่น
เลือกค่า SPF และ PA
SPF ควรเลือก SPF 30 ขึ้นไป
PA ควรเลือก PA+++ ขึ้นไป
เลือกส่วนผสม
Oil-free ควรเลือกครีมกันแดดที่ปราศจากน้ำมัน
Non-comedogenic ควรเลือกครีมกันแดดที่ไม่ก่อให้เกิดสิว
Mattifying ควรเลือกครีมกันแดดที่มีคุณสมบัติควบคุมความมัน
Alcohol-free ควรเลือกครีมกันแดดที่ปราศจากแอลกอฮอล์
ส่วนผสมที่ปลอบโยนผิว เช่น ว่านหางจระเข้ ข้าวโอ๊ต
มอยส์เจอร์ไรเซอร์ เช่น เซราไมด์ Hyaluronic Acid, Glycerin
สำหรับผิวผสม แนะนำให้เลือกครีมกันแดดที่มี Oil-free Non-comedogenic Mattifying Alcohol-free ส่วนผสมที่ปลอบโยนผิว และ มอยส์เจอร์ไรเซอร์

ครีมกันแดด

ค่าต่างๆในครีมกันแดดที่ควรนำมาคิด

เลือกค่า SPF อย่างไรให้เหมาะกับผิว?

SPF ย่อมาจาก Sun Protection Factor เป็นค่าที่บ่งบอกถึงความสามารถในการปกป้องผิวจากรังสียูวีบี (UVB) ซึ่งเป็นรังสียูวีที่ทำให้ผิวไหม้แดด โดยตัวเลขข้างหลัง SPF จะเป็นจำนวนเท่าของการปกป้องผิว
ตัวอย่าง
SPF 15 หมายความว่า ครีมกันแดดสามารถปกป้องผิวจากรังสียูวีบีได้ 15 เท่าของผิวปกติ
SPF 30 หมายความว่า ครีมกันแดดสามารถปกป้องผิวจากรังสียูวีบีได้ 30 เท่าของผิวปกติ
SPF 50 หมายความว่า ครีมกันแดดสามารถปกป้องผิวจากรังสียูวีบีได้ 50 เท่าของผิวปกติ
หมายความว่า ถ้าทาครีมกันแดด SPF 30 แล้วไปอยู่กลางแดด 10 นาที โดยปกติผิวจะไหม้แดด แต่ถ้าทาครีมกันแดดแล้ว จะสามารถอยู่กลางแดดได้นาน 30×10 = 300 นาที โดยไม่ไหม้แดด
อย่างไรก็ตาม ค่า SPF ไม่ได้หมายความว่าสามารถปกป้องผิวจากแสงแดดได้ 100% ครีมกันแดดที่มีค่า SPF สูง ไม่ได้แปลว่าดีกว่า ควรเลือกครีมกันแดดที่มีค่า SPF เหมาะกับสภาพผิวและกิจกรรม ควรทาครีมกันแดดอย่างสม่ำเสมอ ควรเลือกครีมกันแดดที่มีส่วนผสมป้องกันรังสียูวีเอ (UVA) ควบคู่กันไปด้วย

เลือก PA อย่างไรให้เหมาะกับผิว?

PA ย่อมาจาก Protection Grade of UVA เป็นค่าที่บ่งบอกถึงความสามารถในการปกป้องผิวจากรังสียูวีเอ (UVA) ซึ่งเป็นรังสียูวีที่ทำให้ผิวคล้ำเสีย ริ้วรอยก่อนวัย และอาจนำไปสู่มะเร็งผิวหนัง
สัญลักษณ์ PA จะมี + เพิ่มขึ้น 1 ตัว หมายความว่าสามารถปกป้องผิวจากรังสียูวีเอได้ 4 เท่าของ PA+
ตัวอย่าง
PA+ หมายความว่า ครีมกันแดดสามารถปกป้องผิวจากรังสียูวีเอได้มากกว่าผิวปกติ 2 เท่า
PA++ หมายความว่า ครีมกันแดดสามารถปกป้องผิวจากรังสียูวีเอได้มากกว่าผิวปกติ 4 เท่า
PA+++ หมายความว่า ครีมกันแดดสามารถปกป้องผิวจากรังสียูวีเอได้มากกว่าผิวปกติ 8 เท่า
PA++++ หมายความว่า ครีมกันแดดสามารถปกป้องผิวจากรังสียูวีเอได้มากกว่าผิวปกติ 16 เท่า
หมายความว่า ถ้าทาครีมกันแดด PA++++ แล้วไปอยู่กลางแดด ผิวจะคล้ำเสียช้าลง 16 เท่า เมื่อเทียบกับผิวที่ไม่ได้ทาครีมกันแดด
อย่างไรก็ตาม ค่า PA ไม่ได้หมายความว่าสามารถปกป้องผิวจากรังสียูวีเอได้ 100% ควรเลือกครีมกันแดดที่มีค่า PA เหมาะกับสภาพผิวและกิจกรรม ควรทาครีมกันแดดอย่างสม่ำเสมอ ควรเลือกครีมกันแดดที่มีส่วนผสมป้องกันรังสียูวีบี (UVB) ควบคู่กันไปด้วย

สรุปสารสำคัญในครีมกันแดด

SPF เป็นค่าที่บ่งบอกถึงความสามารถในการปกป้องผิวจากรังสียูวีบี
PA เป็นค่าที่บ่งบอกถึงความสามารถในการปกป้องผิวจากรังสียูวีเอ
ควรเลือกครีมกันแดดที่มีค่า SPF และ PA ให้เหมาะกับสภาพผิวและกิจกรรม
ควรทาครีมกันแดดอย่างสม่ำเสมอ

ครีมกันแดดที่ดีควรมีสารสำคัญดังต่อไปนี้

  1. สารกันแดด (Sunscreen) เป็นสารที่ช่วยดูดกลืนหรือสะท้อนรังสียูวี
    แบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลักๆ คือ
    1. สารกันแดดแบบเคมี (Chemical Sunscreen) ดูดกลืนรังสียูวี
    ตัวอย่างสารกันแดดแบบเคมี Avobenzone, Homosalate, Octisalate, Oxybenzone
    2. สารกันแดดแบบฟิสิกส์ (Physical Sunscreen) สะท้อนรังสียูวี
    ตัวอย่างสารกันแดดแบบฟิสิกส์ Titanium Dioxide, Zinc Oxide
    ควรเลือกครีมกันแดดที่ป้องกันทั้งรังสียูวีบี (UVB) และรังสียูวีเอ (UVA)
    ควรเลือกครีมกันแดดที่มีค่า SPF 30 ขึ้นไป และ PA+++ ขึ้นไป
  2. สารต้านอนุมูลอิสระ (Antioxidants) ช่วยปกป้องผิวจากอนุมูลอิสระ
    อนุมูลอิสระเกิดจากแสงแดด มลพิษ และความเครียด
    สารต้านอนุมูลอิสระช่วยชะลอริ้วรอยก่อนวัย และลดความเสี่ยงมะเร็งผิวหนัง
    ตัวอย่างสารต้านอนุมูลอิสระ วิตามินซี วิตามินอี
  3. สารเพิ่มความชุ่มชื้น (Moisturizers) ช่วยให้ผิวชุ่มชื้น เนียนนุ่ม ไม่แห้งกร้าน
    เหมาะสำหรับผิวแห้ง ผิวแพ้ง่าย
    ตัวอย่างสารเพิ่มความชุ่มชื้น Hyaluronic Acid, Glycerin, Ceramides

ครีมกันแดด

วิธีทาครีมกันแดดให้ถูกต้อง

ขั้นตอนการทาครีมกันแดด

  • ล้างหน้าให้สะอาด ล้างหน้าด้วยสบู่และน้ำอ่อนโยน เช็ดหน้าให้แห้งสนิทก่อนทาครีมกันแดด
  • ทาครีมกันแดด บีบครีมกันแดดลงบนปลายนิ้ว ประมาณ 2 ข้อนิ้วมือ
  • แต้มครีมกันแดด แต้มครีมกันแดด 5 จุดบนใบหน้า (หน้าผาก จมูก แก้มทั้งสองข้าง และคาง)
  • เกลี่ยครีมกันแดด เกลี่ยครีมกันแดดให้ทั่วใบหน้าและลำคอ ลำคอเป็นบริเวณที่มักละเลย แต่ควรทาครีมกันแดดด้วย
  • รอให้ครีมกันแดดซึม รอ 15-20 นาที ให้ครีมกันแดดซึมเข้าสู่ผิว

ปริมาณครีมกันแดดที่ควรทา

  • ใบหน้า บีบครีมกันแดดประมาณ 2 ข้อนิ้วมือ
  • ลำคอ บีบครีมกันแดดประมาณ 1 ข้อนิ้วมือ
  • แขน บีบครีมกันแดดประมาณ 2 ข้อนิ้วมือต่อแขน
  • ขา บีบครีมกันแดดประมาณ 3 ข้อนิ้วมือต่อขา

วิธีทาครีมกันแดดสำหรับใบหน้าและร่างกาย

ใบหน้า

  • แต้มครีมกันแดด 5 จุดบนใบหน้า (หน้าผาก จมูก แก้มทั้งสองข้าง และคาง)
  • เกลี่ยครีมกันแดดให้ทั่วใบหน้าและลำคอ
  • เน้นทาครีมกันแดดบริเวณที่แสงแดดส่องถึงได้ง่าย เช่น จมูก โหนกแก้ม ริมฝีปาก
    ทาครีมกันแดดรอบดวงตาด้วยนิ้วนาง
  • ทาลิปบาล์มที่มี SPF

ร่างกาย

  • ทาครีมกันแดดให้ทั่วร่างกาย
  • เน้นทาครีมกันแดดบริเวณที่แสงแดดส่องถึงได้ง่าย เช่น แขน ขา
  • ทาครีมกันแดดบริเวณที่บอบบาง เช่น ใบหน้า ลำคอ หน้าอก
  • ทาครีมกันแดดซ้ำทุก 2 ชั่วโมง หรือหลังว่ายน้ำหรือออกเหงื่อ

ข้อควรระวังในการใช้ครีมกันแดด

  1. หลีกเลี่ยงการสัมผัสดวงตา ครีมกันแดดอาจทำให้ดวงตาแสบระคายเคือง
  2. เก็บครีมกันแดดให้พ้นแสงแดด ความร้อนและแสงแดดอาจทำให้ครีมกันแดดเสื่อมสภาพ
  3. เก็บครีมกันแดดให้พ้นมือเด็ก ครีมกันแดดอาจเป็นอันตรายต่อเด็ก
  4. ทดสอบการแพ้ครีมกันแดดก่อนใช้ ทาครีมกันแดดที่ท้องแขน รอ 24 ชั่วโมง สังเกตว่ามีอาการแพ้หรือระคายเคืองหรือไม่
  5. ใช้ครีมกันแดดที่มีอายุการใช้งาน ตรวจสอบวันหมดอายุบนบรรจุภัณฑ์
  6. ทิ้งครีมกันแดดที่หมดอายุ ครีมกันแดดที่หมดอายุอาจไม่สามารถปกป้องผิวจากแสงแดดได้อย่างมีประสิทธิภาพ

การใช้ครีมกันแดดอย่างถูกต้องและปลอดภัย จะช่วยปกป้องผิวจากแสงแดด ชะลอริ้วรอยก่อนวัย และลดความเสี่ยงมะเร็งผิวหนัง

พร้อมที่จะมีผิวสวยใสไร้ที่ติแล้วใช่ไหมคะ?
สั่งซื้อสกินแคร์ของเราในราคาพิเศษวันนี้! คลิ๊กเลย!
Shopping Cart