กันแดด SPF 50 ป้องกันผิวจากรังสี UV ทั้ง UVA และ UVB

กันแดด SPF 50 ป้องกันผิวจากรังสี UV ทั้ง UVA และ UVB

ท่ามกลางแสงแดดที่แรงกล้าในแต่ละวัน ผิวของเราต้องเผชิญกับอันตรายจากรังสี UV ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของปัญหาผิวต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นผิวไหม้ ฝ้า กระ รวมถึงริ้วรอยก่อนวัยอันควร รังสี UV ที่แผ่ลงมาจากดวงอาทิตย์นั้นไม่ได้เพียงทำลายชั้นผิวภายนอกเท่านั้น แต่ยังส่งผลลึกถึงชั้นผิวภายใน ซึ่งอาจทำให้ผิวเสื่อมสภาพได้เร็วขึ้น กันแดด SPF 50 จึงเป็นตัวช่วยสำคัญที่คุณไม่ควรมองข้าม ด้วยประสิทธิภาพในการปกป้องผิวจากรังสี UVA และ UVB ครีมกันแดดนี้สามารถช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดฝ้าและปัญหาผิวอื่น ๆ จากแสงแดดได้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมทั้งช่วยรักษาความกระจ่างใสของผิวให้นานยิ่งขึ้น บทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อให้คุณได้เข้าใจถึงความแตกต่างของรังสี UVA และ UVB รวมถึงวิธีการเลือกครีมกันแดดที่เหมาะสมกับสภาพผิวของคุณ พร้อมกับแนะนำวิธีใช้ครีมกันแดดอย่างถูกต้อง เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดในการปกป้องผิวจากรังสี UV 

กันแดด SPF 50

เลือกหัวข้อที่ต้องการอ่าน

รังสี UVA และ UVB คืออะไร?

รังสี UVA และ UVB เป็นรังสีอัลตราไวโอเลต (UV) ที่แผ่มาจากดวงอาทิตย์ ทั้งสองประเภทนี้สามารถส่งผลต่อผิวหนังของเราได้ แต่มีคุณสมบัติและผลกระทบที่แตกต่างกันไป

รังสี UVA (Ultraviolet A)

รังสี UVA มีความยาวคลื่นที่ยาวกว่ารังสี UVB และสามารถทะลุทะลวงลึกถึงชั้นผิวหนังชั้นใน (Dermis) รังสีชนิดนี้เป็นสาเหตุหลักของการเกิดริ้วรอยก่อนวัย ฝ้า กระ และผิวคล้ำเนื่องจากการกระตุ้นการผลิตเม็ดสีเมลานิน นอกจากนี้ยังเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ผิวหนังเสื่อมสภาพและสูญเสียความยืดหยุ่น แม้ว่ารังสี UVA จะไม่ทำให้เกิดอาการผิวไหม้ทันที แต่ผลกระทบที่เกิดจากการสัมผัสเป็นเวลานานจะสะสมและทำให้เกิดความเสียหายต่อผิวในระยะยาว

รังสี UVB (Ultraviolet B)

รังสี UVB มีความยาวคลื่นที่สั้นกว่าและทำงานเฉพาะบริเวณผิวหนังชั้นนอก (Epidermis) รังสีชนิดนี้เป็นสาเหตุหลักของผิวไหม้แดดและเป็นปัจจัยที่ทำให้เกิดฝ้าและกระมากขึ้น นอกจากนี้ รังสี UVB ยังเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของเซลล์ผิวหนังซึ่งอาจนำไปสู่ความเสี่ยงในการเป็นมะเร็งผิวหนังในระยะยาว การสัมผัสกับรังสี UVB เพียงไม่กี่นาทีในช่วงเวลาแดดแรงก็สามารถทำให้ผิวเกิดอาการไหม้แดดได้ทันที

ผลกระทบของรังสี UVA และ UVB ต่อผิวหนัง

UVA ทำให้ผิวแก่ก่อนวัย ฝ้า กระ และผิวหมองคล้ำ เนื่องจากรังสีทะลุลงไปลึกถึงชั้นผิวหนังชั้นใน ส่งผลให้เซลล์ผิวเสื่อมสภาพและลดความยืดหยุ่นของผิว
UVB ทำให้เกิดผิวไหม้แดด ฝ้า กระ และความเสียหายต่อเซลล์ผิวในระยะสั้น นอกจากนี้ยังเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งผิวหนังจากการทำลายดีเอ็นเอในเซลล์

กันแดด SPF 50

ทำไมต้อง SPF 50?

การเลือกครีมกันแดดที่มีค่า SPF เหมาะสมเป็นสิ่งสำคัญในการปกป้องผิวจากรังสี UV ที่ทำลายผิว ค่า SPF เป็นตัวบ่งชี้ระดับการป้องกันผิวจากรังสี UVB โดยเฉพาะ ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของผิวไหม้และปัญหาผิวอื่น ๆ การเลือกใช้ครีมกันแดดที่มีค่า SPF สูง เช่น SPF 50 จึงมีบทบาทสำคัญในการป้องกันความเสียหายที่เกิดขึ้นกับผิว

ค่า SPF และความหมายของ SPF 50

ค่า SPF (Sun Protection Factor) คือมาตรวัดความสามารถของครีมกันแดดในการปกป้องผิวจากรังสี UVB ตัวเลข SPF จะบ่งบอกถึงระยะเวลาที่ครีมกันแดดสามารถป้องกันไม่ให้ผิวไหม้แดดเมื่อเทียบกับการไม่ทาครีมกันแดด ตัวอย่างเช่น หากปกติผิวของคุณจะไหม้แดดหลังจากสัมผัสแสงแดดเป็นเวลา 10 นาที การใช้ครีมกันแดด SPF 50 จะช่วยให้ผิวของคุณสามารถทนแสงแดดได้ถึง 50 เท่าของเวลาปกติ หรือ 500 นาทีโดยไม่ไหม้แดด

เปรียบเทียบประสิทธิภาพของ SPF 50 กับ SPF อื่นๆ

  • SPF 15 สามารถป้องกันรังสี UVB ได้ประมาณ 93% ซึ่งเหมาะสำหรับผู้ที่สัมผัสแสงแดดเพียงเล็กน้อยหรือในช่วงเวลาสั้น ๆ
  • SPF 30 ป้องกันได้ประมาณ 97% และเหมาะสำหรับการใช้งานทั่วไป เช่น การออกไปข้างนอกในระยะเวลาปานกลาง
  • SPF 50 มีประสิทธิภาพสูงในการป้องกันรังสี UVB ได้ถึง 98% เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องสัมผัสแสงแดดเป็นเวลานานหรือในสภาวะที่แสงแดดรุนแรง เช่น การไปชายหาดหรือทำกิจกรรมกลางแจ้งเป็นเวลานาน

แม้ว่าความแตกต่างของเปอร์เซ็นต์การป้องกันระหว่าง SPF 30 และ SPF 50 จะดูเพียงเล็กน้อย แต่ในการใช้งานจริง การปกป้องที่มากขึ้นนี้สามารถลดความเสี่ยงของการเกิดฝ้า กระ และปัญหาผิวในระยะยาวได้อย่างมีประสิทธิภาพ

กันแดด SPF 50

วิธีเลือกครีมกันแดด SPF 50 ที่เหมาะสม

การเลือกครีมกันแดดที่มีค่า SPF 50 เพื่อปกป้องผิวจากแสงแดดอย่างมีประสิทธิภาพนั้น ต้องพิจารณาหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็นสภาพผิว กิจกรรมที่ทำ สูตรและเนื้อสัมผัสของครีมกันแดด รวมถึงการพิจารณาค่า PA เพิ่มเติม เพื่อให้ได้การปกป้องครบถ้วนจากทั้งรังสี UVA และ UVB

เลือกจากสภาพผิว

  • ผิวมัน/ผิวผสม หากคุณมีผิวมันหรือผิวผสม ควรเลือกครีมกันแดดสูตรปราศจากน้ำมัน (Oil-Free) หรือสูตรที่ควบคุมความมัน เพื่อไม่ให้ผิวดูมันเยิ้มระหว่างวัน สูตรที่เป็นเนื้อฟลูอิดหรือเจลจะช่วยให้ซึมซาบเร็วและไม่ทำให้หนักหน้า
  • ผิวแห้ง สำหรับผู้ที่มีผิวแห้ง ครีมกันแดดที่มีส่วนผสมของสารให้ความชุ่มชื้น เช่น กรดไฮยาลูโรนิก หรือเซราไมด์ จะช่วยรักษาความชุ่มชื้นของผิว และป้องกันไม่ให้ผิวแห้งกร้านจากการสัมผัสแสงแดด
  • ผิวแพ้ง่าย เลือกครีมกันแดดสูตร Physical Sunscreen ที่ใช้ Zinc Oxide หรือ Titanium Dioxide เป็นสารกันแดดหลัก เพราะมีโอกาสก่อให้เกิดการระคายเคืองน้อยกว่า หลีกเลี่ยงครีมกันแดดที่มีส่วนผสมของน้ำหอมหรือแอลกอฮอล์

เลือกจากกิจกรรมที่ทำ

  • กิจกรรมกลางแจ้งหรือเล่นกีฬา ครีมกันแดดที่มีคุณสมบัติกันน้ำและกันเหงื่อ (Water-Resistant) จะเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดเมื่อคุณต้องทำกิจกรรมกลางแจ้งหรือออกกำลังกาย เพื่อป้องกันไม่ให้ครีมหลุดลอกในขณะที่เหงื่อออก
  • กิจกรรมในร่ม สำหรับผู้ที่ใช้ชีวิตประจำวันในร่มหรือออกข้างนอกเพียงชั่วคราว สามารถเลือกครีมกันแดดสูตรบางเบาที่ซึมซาบเร็ว ซึ่งไม่ทำให้รู้สึกหนักหน้าและสามารถใช้เป็นประจำทุกวันได้

เลือกจากสูตรและเนื้อสัมผัส

  • เนื้อครีม สูตรเนื้อครีมเหมาะสำหรับผิวแห้ง เนื่องจากจะช่วยบำรุงและรักษาความชุ่มชื้นของผิว
  • เนื้อเจล เหมาะสำหรับผู้ที่มีผิวมัน เพราะเนื้อสัมผัสที่เบาบางจะไม่อุดตันรูขุมขนและซึมซาบเร็ว เหมาะสำหรับใช้ในชีวิตประจำวัน
  • เนื้อสเปรย์ สะดวกในการพกพาและใช้งานระหว่างทำกิจกรรมกลางแจ้ง แต่ควรระวังการกระจายตัวไม่สม่ำเสมอ ดังนั้นจึงควรทาเพิ่มเติมเพื่อให้ได้การปกป้องทั่วถึง

เลือกจากค่า PA เพิ่มเติม

ค่า PA (Protection Grade of UVA) เป็นค่าที่บ่งบอกถึงระดับการปกป้องผิวจากรังสี UVA ซึ่งเป็นสาเหตุของริ้วรอยและจุดด่างดำ ค่า PA มักจะมีระดับ + ไปจนถึง ++++ โดยยิ่งมีเครื่องหมาย + มากเท่าไร ก็ยิ่งสามารถป้องกันรังสี UVA ได้มากขึ้น เช่น

  • PA+ ป้องกัน UVA ได้น้อย เหมาะสำหรับการใช้ในร่ม
  • PA++ ป้องกัน UVA ในระดับปานกลาง เหมาะกับการใช้งานในชีวิตประจำวัน
  • PA+++ ป้องกัน UVA ในระดับสูง เหมาะกับการออกแดดปานกลางถึงนาน
  • PA++++ ป้องกัน UVA ในระดับสูงสุด เหมาะสำหรับกิจกรรมกลางแจ้งหรือการสัมผัสแดดจัดเป็นเวลานาน

การเลือกครีมกันแดดที่มีทั้งค่า SPF และ PA สูงจะช่วยให้คุณได้รับการปกป้องที่ครอบคลุมจากทั้งรังสี UVA และ UVB ช่วยป้องกันทั้งการเกิดผิวไหม้แดดและปัญหาผิวอื่น ๆ จากการสัมผัสแสงแดดในระยะยาว

กันแดด SPF 50

วิธีการใช้ครีมกันแดดอย่างถูกต้อง

การทาครีมกันแดดให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุดไม่ใช่เพียงแค่การเลือกครีมกันแดดที่มี SPF สูงเท่านั้น แต่ยังต้องทาในปริมาณที่เหมาะสมและทาให้ถูกต้องตามเวลา การใช้ครีมกันแดดอย่างถูกวิธีจะช่วยปกป้องผิวจากรังสี UV และลดความเสี่ยงในการเกิดปัญหาผิวต่าง ๆ อย่างมีประสิทธิภาพ

ปริมาณที่ควรใช้

  • ใบหน้าและลำคอ ควรใช้ครีมกันแดดในปริมาณที่เพียงพอเพื่อให้การปกป้องเต็มที่ โดยประมาณหนึ่งข้อนิ้วชี้หรือประมาณ 2 ข้อนิ้วสำหรับทาบริเวณใบหน้าและลำคอ
  • ลำตัว สำหรับส่วนของร่างกาย ควรใช้ครีมกันแดดประมาณ 1 ช้อนโต๊ะหรือประมาณ 30 กรัมสำหรับการทาทั้งตัว ซึ่งเป็นปริมาณที่เหมาะสมในการปกป้องผิวอย่างทั่วถึง

ช่วงเวลาที่ควรทา

ควรทาครีมกันแดดอย่างน้อย 15-30 นาที ก่อนการออกแดด เพื่อให้ครีมซึมซาบเข้าสู่ผิวและเริ่มทำงานปกป้องผิวจากรังสี UV
สำหรับการทาครีมกันแดดในชีวิตประจำวัน ควรทาในทุกเช้าไม่ว่าจะออกแดดหรือไม่ เนื่องจากแสง UV สามารถทะลุผ่านกระจกหรือมลภาวะในเมืองได้

การทาซ้ำ

  • ควรทาครีมกันแดดซ้ำทุก 2 ชั่วโมง เมื่ออยู่กลางแจ้งหรือมีกิจกรรมที่ต้องสัมผัสแสงแดดอย่างต่อเนื่อง
  • หากมีกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับน้ำ เช่น ว่ายน้ำ หรือมีเหงื่อออกมาก ควรทาซ้ำบ่อยขึ้น โดยเลือกใช้ครีมกันแดดที่มีคุณสมบัติกันน้ำ และทาซ้ำทันทีหลังจากที่ออกจากน้ำหรือเช็ดตัว
  • การทาครีมกันแดดซ้ำเป็นขั้นตอนที่สำคัญเพื่อให้การปกป้องยังคงอยู่ตลอดวัน และป้องกันการทำลายผิวจากรังสี UV
  • การใช้ครีมกันแดดอย่างถูกต้องในปริมาณและเวลาที่เหมาะสมจะช่วยให้ผิวของคุณได้รับการปกป้องอย่างมีประสิทธิภาพ ลดความเสี่ยงในการเกิดฝ้า กระ ริ้วรอย และปัญหาผิวอื่น ๆ จากแสงแดด

กันแดด SPF 50

ข้อควรระวังในการใช้ครีมกันแดด

การใช้ครีมกันแดดเป็นสิ่งสำคัญในการปกป้องผิวจากรังสี UV แต่ก็มีบางข้อควรระวังในการใช้เพื่อให้การปกป้องผิวมีประสิทธิภาพสูงสุดและลดความเสี่ยงจากการเกิดผลข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์ โดยเฉพาะเมื่อใช้ร่วมกับผลิตภัณฑ์อื่น ๆ

ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น

การระคายเคืองผิว

ผู้ที่มีผิวบอบบางหรือแพ้ง่าย อาจมีการระคายเคืองจากครีมกันแดดที่มีส่วนผสมของสารเคมีบางชนิด เช่น Octocrylene หรือ Oxybenzone ซึ่งเป็นสารกันแดดที่มีในครีมกันแดดแบบ Chemical Sunscreen อาการที่พบได้คือ ผื่นแดง คัน หรือแสบผิว หากเกิดการระคายเคืองควรหยุดใช้และปรึกษาแพทย์

อุดตันรูขุมขน

ครีมกันแดดบางสูตรที่มีส่วนผสมหนัก เช่น Mineral Oil หรือสารที่ไม่ซึมซาบได้ดี อาจทำให้เกิดการอุดตันของรูขุมขน ทำให้เกิดสิวหรือผิวไม่เรียบเนียนได้ ดังนั้นควรเลือกครีมกันแดดที่เหมาะสมกับสภาพผิว โดยเฉพาะผู้ที่มีผิวมันหรือผิวเป็นสิวง่าย

การแพ้สารกันแดด

ส่วนผสมในครีมกันแดดบางตัว เช่น น้ำหอมหรือสารกันเสีย อาจก่อให้เกิดการแพ้ได้ ควรทดสอบผลิตภัณฑ์โดยการทาที่บริเวณข้อพับแขนหรือหลังใบหูแล้วทิ้งไว้ 24 ชั่วโมง หากไม่มีอาการแพ้หรือระคายเคืองจึงค่อยใช้ทั่วทั้งหน้าและร่างกาย

การใช้ครีมกันแดดร่วมกับผลิตภัณฑ์อื่นๆ

ครีมบำรุงผิวและเซรั่ม

การทาครีมกันแดดควรเป็นขั้นตอนสุดท้ายหลังจากทาครีมบำรุงผิวหรือเซรั่มต่าง ๆ เนื่องจากครีมกันแดดทำหน้าที่เป็นเกราะป้องกันผิวจากรังสี UV ดังนั้นจึงควรทาหลังจากผลิตภัณฑ์ที่ให้ความชุ่มชื้นหรือบำรุงผิว เพื่อไม่ให้ประสิทธิภาพของครีมกันแดดลดลง

เมคอัพ

สามารถทาครีมกันแดดได้ก่อนลงเมคอัพ เพื่อให้การปกป้องผิวจากแสงแดดมีประสิทธิภาพ หลังจากนั้นจึงลงรองพื้นหรือผลิตภัณฑ์แต่งหน้าตามปกติ หากต้องการเติมกันแดดระหว่างวัน สามารถใช้กันแดดในรูปแบบสเปรย์หรือแป้งฝุ่นที่มี SPF เพื่อไม่ให้รบกวนเมคอัพ

การใช้ร่วมกับผลิตภัณฑ์ผลัดเซลล์ผิว

หากคุณใช้ผลิตภัณฑ์ผลัดเซลล์ผิว เช่น AHA, BHA, หรือเรตินอล ควรให้ความสำคัญกับการใช้ครีมกันแดดเป็นพิเศษ เพราะผิวจะไวต่อแสงแดดมากขึ้น ทำให้เสี่ยงต่อการเกิดรอยดำ ฝ้า และการระคายเคืองจากแสงแดดได้ง่ายกว่าเดิม ควรเลือกครีมกันแดดที่มีค่า SPF 50 ขึ้นไป และทาให้ครบทุก 2 ชั่วโมงเมื่ออยู่กลางแจ้ง
การใช้ครีมกันแดดร่วมกับผลิตภัณฑ์อื่น ๆ อย่างถูกต้องจะช่วยให้ผิวได้รับการปกป้องอย่างเต็มที่ และลดความเสี่ยงในการเกิดปัญหาผิวจากการใช้ผลิตภัณฑ์หลายชนิดพร้อมกัน

กันแดด SPF 50

สรุป

การปกป้องผิวจากรังสี UV เป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม เนื่องจากแสงแดดเป็นตัวการสำคัญที่ก่อให้เกิดปัญหาผิวมากมาย ไม่ว่าจะเป็นฝ้า กระ ริ้วรอยก่อนวัย รวมถึงมะเร็งผิวหนัง การเลือกใช้ครีมกันแดดที่มีค่า SPF 50 อย่างเหมาะสม ไม่เพียงแต่ช่วยป้องกันรังสี UVB ที่ทำให้ผิวไหม้ แต่ยังปกป้องผิวจากรังสี UVA ที่ทำลายโครงสร้างผิวอย่างล้ำลึก

ผลิตภัณฑ์จากแบรนด์อะลิเซ่ อย่าง ALESE ANTI-MELASMA AND WHITENING SUNSCREEN และ ALESE UV WHITENING SUNSCREEN นั้นมีคุณสมบัติในการปกป้องผิวจากแสงแดดได้อย่างครอบคลุม ด้วยค่า SPF 50 และ PA++++ ซึ่งสามารถปกป้องทั้งรังสี UVA และ UVB อีกทั้งยังมีสารบำรุงที่ช่วยลดเลือนฝ้า กระ และบำรุงผิวให้กระจ่างใสยิ่งขึ้น เหมาะสำหรับทุกสภาพผิว ให้คุณมั่นใจได้ว่าผิวของคุณจะได้รับการปกป้องอย่างดีที่สุดทุกครั้งที่ออกแดด

พร้อมที่จะมีผิวสวยใสไร้ที่ติแล้วใช่ไหมคะ?
สั่งซื้อสกินแคร์ของเราในราคาพิเศษวันนี้! คลิ๊กเลย!
Shopping Cart